|
#1
10-05-2010, 04:41 PM
|
|||
|
|||
ถามสมาชิกrtt
อยากถามสมาชิกครับ ส่วนใหญ่รถ แอร์เมืองเลย 407 แอร์อุดร และนครศรีราชาเป็นอีซูซุรุ่นไหนครับ กี่แรงม้า และมีอีซูซุกี่รุ่น แปดน็อต สิบน็อตต่างกันไงครับ รบกวนเซียนทั้งหลายครับ
|
|
#2
10-05-2010, 09:02 PM
|
||||
|
||||
|
ผมขอตอบ ผู้บ่าวหนองบัว ตามที่ผมทราบนะครับ ผิดถูกรบกวนท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วย
แต่เดิม ย้อนหลังไปซัก 20-30 ปีที่แล้ว อีซูซุ มี 2 รุ่น รุ่นแรกช่วงล่างเป็นแหนบ เครื่องยนต์เป็นสูบนอน 6 สูบ (บล๊อคเครื่องยนต์รุ่นนี้จะเป็นสูบนอน หรือสูบตั้ง ผมชักไม่แน่ใจ) รุ่นนี้น่าจะ 260 แรงม้าครับ รุ่นต่อมาก็มีการพัฒนาช่วงล่างให้นิ่มนวลขึ้น เป็นระบบถุงลม เครื่องยนต์แบบเดิมแต่แรงม้าเพิ่มขึ้นอีกนิดนึง เป็น 275 แรงม้า รุ่นนี้อาจเคยได้ยินเรียกขายกันว่า CQA หรือ CQM 275 Hps. อีซูซุสมัยนั้น มี 8 น๊อตหละครับ เป็นที่นิยมกันแพร่หลาย รถทัวร์เกือบทุกบริษัทในสมัยก่อนใช่อีซูซุทั้งนั้น ตัวถึงก็ต่อจากเชิดชัยแบบผูกขาด จำได้ว่าเชิดชัยเป็นตัวแทนจำหน่ายอีซูซุ (เหมือนกับที่เป็นตัวแทนจำหน่ายวอลโว่ในปัจจุบัน) อย่างที่บอก สมัยนั้นอีซูซูฮิตมาก 407พัฒนา มงคลทัวร์ รถทัวร์สายอิสานแทบทุกสาย สายใต้ นครศรีราชาทัวร์ ภูเก็ตท่องเที่ยว ภูเก็ตเซ็นทรัล ก็ใช้อีซูซุแทบทั้งนั้น ต่อมาคุณผู้บ่าวหนองบัว อาจจะเคยได้ยินอีซูซู รุ่น LV771 รุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายของอีซูซูที่ปรากฎโฉมในเมืองไ ทย(ทั้งๆที่ ที่ญี่ปุ่นรุ่นนี้โด่งดังมากนะครับ) ที่เปลี่ยนไปจากเดิมคือ รูปโฉม ระบบกันสะเทือน เครื่องยนต์ และน๊อตล้อ กล่าวคือ รูปโฉม ตัวถัง เป็นรถทรงชั้นครึ่ง ที่สูงโปร่งกว่ารุ่นเดิม กันสะเทือนพัฒนาเป็นถุงลมนอกแนวแชสซี(เขาควาย) เครื่องยนต์เปลี่ยนจาก 6 สูบนอนแถวเรียง เป็น วี-10 สูบ 340 แรงม้า น๊อตล้อมี 10 ตัวครับ น่าเสียดายที่ LV771 ไม่ค่อยได้รับความนิยมแพร่หลายเท่าใดนัก ผมเห็น LV771 ที่ต่อตัวถังจากเชิดชัยน้อยมาก จนกระทั่งบัดนี้แทบจะหา LV771 ดูไม่ได้แล้ว ในขณะที่ CQA CQM 275 ยังมีอยู่เกลื่อน เท่าที่ผมสังเกตุ รถทัวร์สองชั้นของแอร์อุดรก็ดี และ 407พัฒนา ส่วนใหญ่จะเป็น 8 น๊อต ที่เดิมเป็น แชสซี 6 ล้อ แล้วนำมาต่อเป็น 8 ล้อฝีมือไทยประดิษฐ์ครับ เครื่องยนต์เดิม 275 แรงม้า คงจะขับเคลื่อนไม่ไหวแน่ ก็ให้สงสัยเหมือนกันว่า เอาเครื่องอะไรมาลง ขอเดาว่าอาจจะเป็นเครื่องฮีโน่ EF750เทอร์โบ ที่มีแรงม้าอย่างต่ำ 350 ตัวขึ้นไป หรืออาจเป็นเครื่องอีซูซู วี-10 ก็เป็นไปได้ รวมทั้งเครื่องสแกนเนียที่มีม้าวิ่งเพ่นพ่านอยู่ซัก 380 ตัว ก็พอจะขับเคลื่อนเจ้า 8 ล้อไทยประดิษฐ์ไปได้ครับส่วนรถของแอร์เมืองเลย รวมทั้งขอนแก่นทัวร์ ที่เห็นส่วนใหญ่มีน๊อตล้อ 10 น๊อตนั้น เป็นแชสซีอีซูซุ LV771 หละครับ เครื่องยนต์ผมก็เข้าใจว่าเป็น อีซูซุ วี-10 ที่มีม้าอยู่ 340 ตัวหรืออาจจะมากกว่านั้นนะครับ ขอตอบเท่าที่ทราบเพียงเท่านี้ ถ้าผิดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
__________________
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร  new scannia opticriuse รถทัวร์ไทยสายแข็งโป๊กปทุม1
|
|
#3
10-06-2010, 08:04 AM
|
|||
|
|||
|
ขอบคุณมากครับ
 อ้างถึง:
|
|
#4
10-06-2010, 08:40 AM
|
||||
|
||||
|
คุณผู้บ่าวหนองบัว
คำตอบของผม อาจไม่ถูกต้องเสียทีเดียว อาจมีข้อมูลทางเทคนิคบางอย่างคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง เดี๋ยวคงจะมีท่านผู้รู้ในบอร์ดนี้มาช่วยกันขยายความอ ีก ยังไงก็เข้ามาติดตามอ่านดูนะครับ ผมเล่าจากประสบการณ์จากที่พอจะจดจำได้ ถ้าลงลึกๆในรายละเอียดอาจไม่ชัดเจนนัก ในบอร์ดนี้ยังมีผู้รู้อีกหลายท่าน เช่น ท่านประธานบอร์ด อาจานบีบี อาจารย์เบิร์ด เสธ.ตี๋น้อย อาจารย์นิกร ฯลฯ เดี๋ยวท่านเหล่านี้จะเข้ามาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะคร ับ
__________________
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร new scannia opticriuse รถทัวร์ไทยสายแข็งโป๊กปทุม1
|
|
#6
10-06-2010, 12:41 PM
|
|||
|
|||
|
ขอบคุณครับ
อ้างถึง:
|
|
#7
10-08-2010, 11:28 AM
|
|||
|
|||
|
ได้รู้เยอะเลย
|
|
#9
10-09-2010, 07:02 AM
|
||||
|
||||
|
อ้างถึง:
คำถามของคุณดีมาก ทำให้ผมได้รหัสเครื่องยนต์ตัว 8 น๊อต 285 มาโดยบังเอิญ ต้องขอบคุณมากสำหรับการเข้ามาคุยกันเรื่องเจ้า อีซูซุ รถที่สุดแสนจะคลาสสิคนี้ เรื่องเบรคแห้ง หรือเปียกนี้ เดี๋ยวขอหาข้อมุลก่อน คงต้องรบกวนน้านิกรแล้วหละครับ
__________________
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร new scannia opticriuse รถทัวร์ไทยสายแข็งโป๊กปทุม1
|
|
#10
10-09-2010, 09:22 AM
|
||||
|
||||
|
เบรคน้ำกับเบรคแห้ง เบรคน้ำคือระบบเบรคที่ใช้น้ำมันเบรคเป็นตัวสั่งการเบ รคที่ล้อโดยใช้ แรงดันของน้ำมันเบรค เบรคแห้งก็ใช้ลมไปสั่งการเบรคที่ล้อด้วยลมที่หม้อลมเ บรค ทั้งเบรคแห้งและเบรคน้ำก็ใช้ลมสั่งทั้ง 2 ระบบเบรคน้ำ(จิ๊ฟฟี่) เวลาเราเหยียบเบรคลมจะผ่านไปที่หม้อลมเบรคเพื่อเปิดว าวล์วน้ำมันแล้วส่ง น้ำมันไปถ่างฝักเบรคที่ล้อ โดยจะมีกระบอกเบรคอยู่ที่ดุมล้อ ภายในเหมือนกระบอกสูบใช้โอริงยางแทนแหวนลูกสูบ มี 2 ฝั่งเมื่อมีแรงดันน้ำมันเข้าไปลูกสูบก็จะดันฝักเบรคไ ปกดจานเบรค ถ้าเปลี่ยนผ้าเบรคก็ควรจะเปลี่ยนลูกยางโอริงในกระบอก เบรคและยางกันฝุ่นด้วย ส่วนใหญ่จะใช้ในรถเล็ก รถที่บรรทุกไม่หนักมาก รถโดยสารในเมืองที่ความเร็วไม่สูง แต่บ้านเรารถโดยสารใช้เยอะครับ ถ้าระบบรั่วก็ทำให้ประสิทธิภาพในการเบรคลดลง เค้าว่ากันว่าเบรคน้ำจะมีระยะทางในการเบรคที่สั้นกว่ าเบรคแห้ง แต่มีโอกาสที่เบรคจะแตกสูงกว่าเวลาจอดรถระบบนี้จะใช้ การล็อคเบรคด้วยการดึงเบรคมือในรถเล็กที่ล้อ และดึงเบรคท้ายเกียร์ในรถใหญ่
สำหรับเบรคแห้งที่ใช้ลมในการสั่งการเบรค เวลาที่เราเหยียบแป้นเบรคลมจะถูกเปิดไปสั่งหม้อลมเบร คที่ติดอยู่ที่ล้อ ภายในจะมีกาละมังเบรคที่รับแรงดันลมไปดันแกนตัวเอสเพ ื่อถ่างฝักเบรคออกดัน จานเบรค ถ้าผ้าเบรคบางมากตัวเอสจะตีกลับเบรคจะใช้การไม่ได้ ถ้าลมมีต่ำเกินไปหม้อลมเบรคจะล็อคเบรคที่ล้อหลัง ระบบนี้จะมีการล็อคเบรคด้วยลมที่ล้อหลัง(ทิ้งลมล็อคล ้อ) ระบบนี้จะใช้ในรถที่บรรทุกหนักทั้งหลาย การตั้งเบรคทั้งสองระบบจะคล้ายกัน จะมีตัวตั้งเบรค ทั้งตั้งมือและตั้งอัตโนมัติ ถ้าเบรคห่างก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการเบรคลดลงและอาจ ทำให้จานเบรคแตกได้ ถ้าอยากจะเห็นข้อแตกต่างของทั้ง 2 ระบบ ก็ลองก้มไปดูที่หลังดุมล้อ ถ้าเป็นเบรคแห้งจะเห็นหม้อลมเบรคติดอยู่ที่ล้อทุกล้อ มีสายลมเส้นใหญ่กว่าสาย นำมันของเบรคน้ำ เบรคน้ำจะไม่เห็นอะไรนอกจากสายน้ำมันที่เข้าไปในดุมล ้อ บางคนอาจสงสัยว่าแล้วดีสเบรคเป็นแบบใหน ดีสเบรคก็มีทั้งใช้ลมและน้ำมัน รถเล็กใช้น้ำมัน รถใหญ๋ใช้ลม เปลี่ยนจากจานเบรคที่เค้าเรียกว่าดรัมเบรคและฝักเบรค มาเป็นการจับแผ่นจานเบรคด้วยผ้าเบรค ถ้าดรัมเบรคฝักเบรคก็จะโค้งตามจานเบรคล่ะครับ
__________________
รถทัวร์ไทยสายตะวันออก((บางละมุง))
|
 |
|
|
แบบตามยาว
