Loading
Search In RotTourThai.com


กลับไป   Forums > RotTourThai.com > คลังความรู้เกี่ยวกับรถทัวร์ไทย
คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน ค้นหา กระทู้ใหม่วันนี้ ทำสัญลักษณ์ว่าอ่านแล้ว

ตอบกลับ
 
คำสั่งเพิ่มเติม ค้นหาในหัวข้อนี้ เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 09-23-2011, 11:57 PM
fender9999 fender9999 is offline
Junior Member
 
วันที่สมัคร: Sep 2011
กระทู้: 10
มาตรฐาน จะทำรถวิ่ง แพร่-กทม. ใช้แบบไหน

จะทำรถวิ่ง แพร่-กทม. ใช้แบบไหน ราคาต่ำสุด-สูงสุดเท่าไหร่ แล้วมีรายได้และรายจ่ายต่อเดือนมากน้อยแค่ไหน รายจ่ายต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง แล้วจดทะเบียนยังไง ทุนที่ต้องมีสักเท่าไหร่ รถคันเดียวอ่ะคับแบบทำบริษัทใหม่เลย

ขอขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับความรู้ใหม่ๆที่ทุกท่านแนะ นำครับ

ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 09-25-2011, 02:00 PM
รูปส่วนตัว KPP13
KPP13 KPP13 is offline
Member
 
วันที่สมัคร: Jul 2011
กระทู้: 62
มาตรฐาน ทำรถวิ่ง แพร่-กทม.

อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ fender9999 อ่านกระทู้
จะทำรถวิ่ง แพร่-กทม. ใช้แบบไหน ราคาต่ำสุด-สูงสุดเท่าไหร่ แล้วมีรายได้และรายจ่ายต่อเดือนมากน้อยแค่ไหน รายจ่ายต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง แล้วจดทะเบียนยังไง ทุนที่ต้องมีสักเท่าไหร่ รถคันเดียวอ่ะคับแบบทำบริษัทใหม่เลย

ขอขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับความรู้ใหม่ๆที่ทุกท่านแนะ นำครับ

เพิ่มรายละเอียดหน่อยครับ
รถสาย หรือ 30
ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 09-25-2011, 07:03 PM
fender9999 fender9999 is offline
Junior Member
 
วันที่สมัคร: Sep 2011
กระทู้: 10
มาตรฐาน ตอบกลับ

อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ kpp13 อ่านกระทู้
เพิ่มรายละเอียดหน่อยครับ
รถสาย หรือ 30




รถที่วิ่งประจำทางอ่ะคับ แพร่-กทม , กทม-แพร่
ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 09-26-2011, 11:46 AM
รูปส่วนตัว KPP13
KPP13 KPP13 is offline
Member
 
วันที่สมัคร: Jul 2011
กระทู้: 62
Talking รถที่วิ่งประจำทางอ่ะคับ แพร่-กทม , กทม-แพร่

อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ fender9999 อ่านกระทู้
รถที่วิ่งประจำทางอ่ะคับ แพร่-กทม , กทม-แพร่
ก่อนที่จะหารถมาวิ่งศึกษาข้อมูลดังต่อไปนี้ครับ แล้วค่อยไปเลือกรถ เพราะว่ารถมีเยอะแยะมาก

ประเทศไทยได้ตรากฎหมายว่าด้วยการขนส่งครั้งแรกเมื่อป ี 2497 โดยมีเหตุลผหลักเพื่อผลทางเศรฐกิจ แม้ว่าต่อมาจะมี พ.ร.บ.การขนส่งบก พ.ศ.2522 และยกเลิก พ.ร.บ.ขนส่ง พ.ศ.2497 แต่หลักการก็ยังคงเดิม โดยมีเหตุผลในการประกาศใช้ พรบ.การขนส่งทางบกฉบับใหม่ดังนี้

"เหตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการขนส่งได้ใช้บังคับมาเป็นเว ลานาน และสภาพการณ์ในปัจจบุนได้เปลี่ยนแปลงไปมาก บทบัญญัติทั้งหลายที่บังคับใช้อยู่ไม่เหมาะกับกาลสมั ย สมควรปรับปรุงบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการขนส่งเสียใหม ่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.บ.นี้ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 96 ตอนที่ 38 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2522 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2522 เป็นต้นไป"

ฉะนั้น หลักการและเหตุผลที่แท้จริงของกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง จึงเป็นกฎหมายเพื่อความสะดวก แน่นอน เป็นธรรม แก่ผู้ประกอบการขนส่งและผู้ใช้การขนส่งเพื่อผลทางเศร ษฐกิจของประเทศเป็นส่วนรวม ซึ่งตรงกับหลักการของการขนส่งที่ถือกันมาตั้งแต่สมัย แรกเริ่มว่า การขนส่งที่ดี คือ การขนส่งที่มีความสะดวกรวดเร็ว
ความหมายของคำสำคัญบางคำใน พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 (มาตรา 4)

"รถ" หมายความว่า ยานพาหนะทุกชนิดที่ใช้ในการขนส่งทางบก ซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น และหมายความรวมตลอดถึงรถพ่วงของรถนั้นด้วย ทั้งนี้เว้นแต่รถไฟ

"การขนส่ง" หมายความว่า การขนคน สัตว์ หรือสิ่งของโดยทางบกด้วยรถ

"การขนส่งประจำทาง" หมายความว่า การขนส่งเพื่อสินจ้างตามเส้นทางที่คณะกรรมการกำหนด

"การขนส่งไม่ประจำทาง" หมายความว่า การขนส่งเพื่อสินจ้างโดยไม่จำกัดเส้นทาง

"การขนส่งโดยสารรถขนาดเล็ก" หมายความว่า การขนส่งคนหรือสิ่งของ หรือคนและสิ่งของรวมกันเพื่อสินจ้างตามเส้นทางที่คณะ กรรมการกำหนดด้วยรถที่มีน้ำหนักและน้ำหนักบรรทุกรวมก ันไม่เกิน 4500 กก.

"การขนส่งส่วนบุคคล" หมายความว่า การขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของตนเองด้วยรถที่มีน้ ำหนักเดินกว่า 1600 กก.

"การขนส่งระหว่างจังหัวด" หมายความว่า การขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทาง หรือการขนส่งส่วนบุคคล ระหว่างจังหวัดกับจังหวัด

"การขนส่งระหว่างประเทศ" หมายความว่า การขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทาง หรือการขนส่งส่วนบุคคล ระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ

"ผู้ตรวจการ" หมายความว่า ข้าราชการสังกัดกรมการขนส่งทางบก ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้มีหน้าที่ตรวจการขนส่ง

"พนักงานตรวจสภาพ" หมายความว่า ข้าราชการสังกัดกรมการขนส่งทางบก ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้มีหน้าที่ตรวจความมั่นคงแข็ง แรง ความสะอาด ความเรียบร้อย และความเหมาะสมของสภาพรถที่นำมาใช้ในการขนส่ง

"นายทะเบียน" หมายความว่า นายทะเบียนกลาง หรือนายทะเบียนประจำจังหวัด แล้วแต่กรณี

"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง หรือคณะกรรมการควบคุมการขนส่งประจำจังหวัด แล้วแต่กรณ๊

"อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมการขนส่งทางบก

"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตาม พ.ร.บ. นี้

การหมายที่เกี่ยวข้องกับการขับรถ มี 2 ประเภท คือ
- กฎหมายรถยนต์ ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถแทรกเตอร์ รถแท็กซี่ ฯ
- กฎหมายขนส่ง ได้แก่ รถโดยสาร รถ 6 / 10 ล้อ รถพ่วง รถอันตราย ฯ

เนื่องจากเป็นเว็บรถทัวร์ไทย จะกล่าวถึง "กฎหมายขนส่ง" เพียงอย่างเดียว
การประกอบการขนส่ง

การประกอบการขนส่งมี 7 ประเภท คือ
1.การขนส่งไม่ประจำทาง การขนส่งสินค้าเพื่อสินจ้างตามเส้นทางที่คณะกรรมการ
กำหนด
2.การขนส่งไม่ประจำทาง การขนส่งเพื่อสินจ้างโดยไม่จำกัดเส้นทาง
3.การขนส่งโดยรถขนาดเล็ก การขนส่งคน หรือสิ่งของ หรือคนและสิ่งของรวมกันเพื่อสินจ้างตามเส้นทางที่คณะ กรรมการกำหนด ด้วยรถที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกิน 4500 กก.
4.การขนส่งส่วนบุคคล การขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของตนเองด้วยรถที่มีน้ ำหนักเกินกว่า 1600 กก.
5.การขนส่งระหว่างจังหวัด การขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทางหรือการขนส่งส่วนบุคคล ระหว่างจังหวัดกับจังหวัด
6.การขนส่งระหว่างประเทศ การขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทางหรือการขนส่งส่วนบุคคล ระหว่างไทยกับต่างประเทศ
7.การรับจัดการขนส่ง การรับจ้างรวบรวมคน สัตว์ สิ่งของ และจัดให้บุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบก ารขนส่ง ทำการขนส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในความรับผิดช อบของผู้รับจัดการขนส่ง

โดยหลักทั่วไปตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก
ผู้ที่ประสงค์จะขอประกอบการขนส่งทั้ง 7 ประเภท จะต้องขออนุญาตประกอบการขนส่งต่อนายทะเบียนกลางหรือน ายทะเบียนประจำจังหวัด แล้วแต่กรณี
ใบอนุญาตประกอบการขนส่งมีด้วยกัน 4 ประเภท คือ

1.ใบอนญาตประกอบการขนส่งประจำทาง มีอายุ 7 ปี นับตั้งแต่วันออกใบอนุญาต

2.ใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง มีอายุ 5 ปี นับตั้งแต่วันออกใบอนุญาต

3.ใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็ก มีอายุ 5 ปี นับตั้งแต่วันออกใบอนุญาต

4.ใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคล มีอายุ 5 ปี นับตั้งแต่วันออกใบอนุญาต

ใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ใบอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็ก ให้ใช้เป็นใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลได้ (ข้อ 1,2,3 ใช้แทน 4 ได้)
1.การขนส่งประจำทาง การขนส่งเพื่อสินจ้างตามเส้นทางที่คณะกรรมการกำหนด แบ่งเป็น 2 ประเภท
1.รถบรรทุก (เลขทะเบียน 60-69 ซึ่งหมดไปจากประเทศไทยนานแล้ว)
2.รถโดยสาร (เลขทะเบียน 10-19) แบ่งเป็น 4 หมวด
- เส้นทางหมวด1 หมายถึง เส้นทางการขนส่งประจำทางด้วยรถโดยสารภายใน กทม. เทศบาล เมือง และเส้นทางต่อเนื่อง
- เส้นทางหมวด2 หมายถึง เส้นทางการขนส่งประจำทางด้วยรถโดยสารจากกรุงเทพไปยัง ส่วนภูมิภาค
- เส้นทางหมวด3 หมายถึง เส้นทางการขนส่งประจำทางด้วยรถโดยสารระหว่างจังหวัด หรือคาบเกี่ยวระหว่างจังหวัดในส่วนภูมิภาค
- เส้นทางหมวด4 หมายถึง เส้นทางการขนส่งประจำทางด้วยรถโดยสารในเขตจังหวัด ซึ่งอาจประกอบด้วยเส้นทางสายหลักสายเดียว หรือเส้นทางสายหลักและเส้นทางสายย่อย ซึ่งแยกออกจากเส้นทางสายหลักไปยังอำเภอ หมู่บ้าน หรือเขตชุมชน

2.การขนส่งไม่ประจำทาง ได้แก่
-รถโดยสาร (เลขทะเบียน 30-39)
-รถบรรทุก (เลขทะเบียน 70-79)

3.การขนส่งโดยรถขนาดเล็ก ได้แก่
-รถโดยสาร (เลขทะเบียน 20-29 ขนส่งทางบกกำลังทำให้หมดไป)
-รถบรรทุก (เลขทะเบียน 20-29 ขนส่งทางบกกำลังทำให้หมดไป)

4.การขนส่งส่วนบุคคล ได้แก่
รถโดยสาร (เลขทะเบียน 40-49)
รถบรรทุก (เลขทะเบียน 80-99)
สถานีขนส่ง มี 2 ประเภท คือ

1.สถานีขนส่งผู้โดยสาร
2.สถานีขนส่งสัตว์และสิ่งของ แต่ในประเทศไทยมีสถานีขนส่งสิ่งของ (สินค้า) เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

สถานีขนส่ง มีใบอนุญาต 20 ปี และต้องต่ออายุล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 ปี


การตรวจสจสภาพรถ การจดทะเบียน การเสียภาษีรถ

การตรวจสภาพรถ
-รถโดยสาร (10/30) กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ตรวจสภาพรถทุก 6 เดือน
-รถบรรทุก กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ตรวจสภาพรถทุก 1 ปี

การเสียภาษี
รถที่อยู่ในกฎหมายขนส่ง กรมการขนส่งทางบกจะเรียกเก็บภาษีตาม น้ำหนักรถ ในการชำระภาษีประจำปีจะต้องชำระล่างหน้าเป็นรายปี โดยแบ่งเป็น 4 งวด งวดละ 3 เดือน โดยถือเดือน มกราคม เมษายน กรกฎาคม ตุลาคม เป็นเดือนแรกของงวด เมื่อเริ่มต้นชำระภาษีงวดใด ก็ให้นับจากงวดนั้นไปจนครบ 4 งวด ถือว่าเป็นการครบปีภาษี และสามารถชำระภาษีเป็นรายงวดได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มตามที่กำหนด

งวดที่ 1 // 1 มกราคม - 31 มีนาคม
งวดที่ 2 // 1 เมษายน - 30 มิถุนายน
งวดที่ 3 // 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน
งวดที่ 4 // 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม

ถ้าไม่ชำระภาษีในเวลาที่กำหนด ต้องชำระเพิ่มร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนที่ต้องชำระภาษี


กระบวนการของรถ หลังจากซื้อรถคันใหม่มา มีกระบวนการดังนี้
- นำรถไปจดทะเบียน
- ชำระภาษี
- เปลี่ยนแปลง เมื่อทำการดัดแปลงรถ สภาพรถ ต้องแจ้งเปลี่ยนสาระสำคัญ(ส่วนที่ไปดัดแปลง)ของรถด้ว ย
- ย้าย เมื่อต้องการย้ายการจดทะเบียนรถจากขนส่งจังหวัดนี้ไป ยังจังหวัดอื่น
- เลิกใช้ เมื่อจะเลิกใช้รถแล้ว ต้องแจ้งต่อกรมการขนส่งทางบก และต้องชำระภาษีที่ค้างให้ครบ คืนป้ายทะเบียน
ผู้ประจำรถ
ความหมาย ผู้ประจำรถตาม พ.ร.บ. พ.ศ.2522 หมายถึง บุคคล 4 ประเภท ดังนี้

1.ผู้ขับรถ
2.ผู้เก็บค่าโดยสาร
3.นายตรวจ บุคคลที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ประจำรถ ทุกหน้าที่ และตรวจสอบการชำระค่าโดยสารของผู้โดยสาร
4.ผู้บริการ บุคคลทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับ หรือบริกรประจำรถ

ประเภทใบอนุญาตผู้ประจำรถ มี 4 ประเภท ดังนี้

1.ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ
2.ใบอนุญาตเป็นผู้เก็บค่าโดยสาร
3.ใบอนุญาตเป็นนายตรวจ
4.ใบอนุญาติเป็นผู้บริการ

ใบอนุญาตแต่ละประเภทจะใช้แทนกันไม่ได้
ยกเว้น ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ หรือ ใบอนุญาตเป็นนายตรวจ หรือ ใบอนุญาตเป็นผู้บริการ สามารถใช้แทน ใบอนุญาตเป็นผู้เก็บค่าโดยสาร ได้

ใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ ทั้ง 4 ประเภท มีอายุ 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกใบอนุญาต ต่ออายุล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน
ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1.ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ส่วนบุคคล (ทะเบียนขาว) ใบอนุญาตประเภทนี้ไม่สามารถขับรถรับจ้าง(ทะเบียนเหลื อง)ได้
2.ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ทุกประเภท (ทะเบียนเหลือง) ใบอนุญาตประเภทนี้สามารถขับรถส่วนบุคคล(ทะเบียนขาวได ้)

ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ส่วนบุคคล และ ทุกประเภท แต่ละประเภทแบ่งเป็น 4 ชนิด (ส่วนบุคคล 4 ชนิด // ทุกประเภท 4 ชนิด) ดังต่อไปนี้

ชนิดที่ 1 สำหรับขับรถที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่ เกิน 3500 กก. ที่ไม่ได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือรถขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 20 คน
ชนิดที่ 2 สำหรับขับรถที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกิ น 3500 กก. ที่ไม่ได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือรถขนส่งผู้โดยสารเกิน 20 คน
ชนิดที่ 3 สำหรับขับรถซึ่งโดยสภาพใช้สำหรับลากจูงรถอื่น หรือล้อเลื่อนที่บรรทุกสิ่งใดๆบนล้อเลื่อนนั้น
ชนิดที่ 4 สำหรับขุบรถที่ใช้ขนส่งวัตถุอันตรายตามประเภท หรือชนิดลักษณะการบรรทุกตามที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบ กกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

**ใบอนุญาตชนิดที่ 1 ไม่สามารถนำไปใช้แทนชนิดที่ 2/3/4 ได้
**ใบอนุญาตชนิดที่ 2 สามารถนำไปใช้แทนชนิดที่ 1 ได้ แต่นำไปใช้แทนชนิด 3/4 ไม่ได้
**ใบอนุญาตชนิดที่ 3 สามารถนำไปใช้แทนชนิดที่ 1/2 ได้ แต่นำไปใช้แทนชนิด 4 ไม่ได้
**ใบอนุญาตชนิดที่ 4 สามารถนำไปใช้แทนชนิดที่ 1/2/3 ได้
ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 10-08-2011, 06:32 AM
isirpong isirpong is offline
Junior Member
 
วันที่สมัคร: Oct 2011
กระทู้: 5
มาตรฐาน

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีครับผม
ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 10-25-2011, 12:17 PM
natwat natwat is offline
Member
 
วันที่สมัคร: Oct 2011
กระทู้: 87
มาตรฐาน

ผมไม่เคยทำงานเกี่ยวกับรถทัวร์เลย แต่ขึ้นรถทัวร์ แวะไปเที่ยวสถานีขนส่งรถยนต์โดยสารและเข้าเว๊ปรถทัวร ์เป้นประจำ ขอแชร์ประสบการณ์และความรู้สึกส่วนตัวดังนี้ :-
1. ต้องมีการวางแผนการทำงานดังนี้
- ศึกษาเส้นทางเดินรถ
- เดินสำรวจดูปริมาณผู้โดยสาร /ลักษณะของรถทัวร์คู่แข่ง /ตารางเดินรถทัวร์ของแต่ละบริษัทในสถานีขนส่งฯ
- ศึกษาสภาพปัญหา/อุปสรรคในการให้บริการจากประสบการณ์/ การสังเกตในสถานีขนส่ง/แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้โด ยสารท่านอื่นๆ
- สำรวจงบประมาณจัดซื้อรถ/ต่อตัวถังรถ
- เลือกอู่ต่อรถ ขอแนะนำ อู่พานทองกลการ ฉะเชิงเทรา, อู่เชิดชัย โคราช, อู่มีแสงยูร ราชบุรี
อู่ธนบุรีบัสบอดี้ ถ้าเป็นภาคเหนือ อู่เบิ้มเชียงใหม่ นครสวรรค์ก็มี(น้ำท่วมเสียแล้ว)
- เตรียมบุคลากร คนขับรถ พนักงานขายตั่ว พนักงานต้อนรับ พนักงานบริกร(เด็กยกของ) ช่างซ่อมรถ พนักงานล้างรถ ฯลฯ
2. ขออนุญาตเปิดเส้นทางเดินรถ
3. นำรถไปตรวจที่กรมการรขนส่งกรุงเทพ
4. วางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์
5. เปิดให้บริการ

:emo_toon07:
6. ขอเพิ่มเติมนะครับ เท่าที่เข้าเว๊ปดู ตอนนี้ กรุงเทพ-แพร่ มี บขส., สมบัติทัวร์, พรพิริยะทัวร์,
วิริยะแพร่ทัวร์, บุษราคัมทัวร์ โดย 3 เจ้าแรก มีทั้ง ม.2 , ม. 1 ทัง ก และ ข , ม.4 ทั้ง ก และ ข เปิดทำการเดินรถอยู่ รายละเอียดต้องเข้าไปดูในเว๊ปดู
ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
ตอบกลับ


คำสั่งเพิ่มเติม ค้นหาในหัวข้อนี้
ค้นหาในหัวข้อนี้:

ค้นหาแบบละเอียด
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
คุณไม่สามารถเริ่มหัวข้อใหม่ได้
คุณไม่สามารถตอบกระทู้ได้
คุณไม่สามารถแนบไฟล์ได้
คุณไม่สามารถแก้ไขกระทู้ของคุณเองได้

โค้ด vB ใช้ได้
[IMG] โค้ด ใช้ได้
โค้ด HTML ใช้ได้
กระโดดไป


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:17 PM


Powered by vBulletin รุ่น 3.6.8 Copyright ©2000-2025, Jelsoft Enterprises Ltd.