
09-26-2012, 10:45 PM
|
Guest from OK BUS
|
|
วันที่สมัคร: Apr 2008
กระทู้: 203
|
|
อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ bukdum
มาดูเกียร์กันบ้าง
อยู่ด้านขวาของพวงมาลัย หลักการทำงานก็ง่ายๆ ได้แก่
ตามภาพอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง(N) เราจะเข้าเกียร์เดินหน้าก็ต้องเหยียบคลัทซ์ก่อน แล้วหมุนตัวกลางไปข้างหน้า1ที จะเป็นเกียร์ออโต้(A) จากนั้นก็ค่อยๆผ่อนคลัทซ์แล้วเหยียบคันเร่ง เหมือนขับรถเกียร์ธรรมดา และเกียร์ต่อไปจะเปลี่ยนเองโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องเหยียบคลัทซ์อีก จนถึงเกียร์8 แต่ถ้าเราอยากขับแบบเกียร์ธรรมดา ก็สามาถทำได้โดยกดตัวA/M ดันเข้ามา1ที ก็จะเป็นเกียร์ธรมมดา วิธีนี้เวลาเปลี่ยนเกียร์ก็ดันคันโยกขึ้นบน1ทีต่อ1เก ียร์ และถ้าจะลดเกียร์ก็ดันลง1ทีต่อ1เกียร์ หรือถ้าเราขับเกียร์ธรรมดาแล้วอยากเปลี่ยนเป็นออโต้ค ืน ก็กดตัวA/M 1ที ก็จะเป็นเกียร์ออโต้เหมือนเดิม หรือถ้าเราขับเกียร์ออโต้และไม่อยากให้เกียร์เปลี่ยน เอง เราก็สามารถดันคันขึ้นลงได้เหมือนเกียร์ธรรมดา และที่สำคัญก่อนรถจะหยุดเราต้องเหยียบคลัทซ์ด้วย
ส่วนเกียร์ถอย...เราก็ดันปุ่มกลางเข้ามานิดนึงแล้วหม ุนลงมาให้ตรงตำแหน่งR
ส่วนรีทาร์ดเดอร์...ทำได้โดยโยกคันเกียร์ตัวนี้ลงมาท ีละจังหวะ ซึ่งไม่มีผลต่อการเปลี่ยนของเกียร์
|
- ระบบเกียร์แบบนี้ผมชอบI-shift ของ Volvo มากกว่าเพราะเป็นระบบอัตโนมัติจริงในขณะที่ opticruise ของ scania ยังเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติอยู่ และ I-shift มีถึง12จังหวะมากกว่า opticruise ถึง4จังหวะ แต่หลักการทำการเหมือนกันคือใช้ระบบควบคุมให้คลัชท์ม ันทำงานตัดต่อเกียร์เองโดยอัตโนมัติ
- ถามว่าเกียร์จังหวะเยอะมันดียังไง มันจะทำให้รอบเครื่องเวลาเปลี่ยนเกียร์ตกลงมาน้อยมาก ทำให้รถจะมีอัตราเร่งดีกว่ารถที่มีจังหวะเกียร์น้อยก ว่า ผมเคยลองขับ bmw 525d รุ่นล่าสุดซึ่งใช้เกียร์อัตโนมัติ8จังหวะของZF (ยี่ห้อคุ้นๆไหม อิอิ) พบว่ามันสร้างกำลังต่อเนื่องได้ดีมากและใช้รอบเครื่อ งต่ำพอๆกับรถทัวร์ ที่ 110กทม./ชม. รอบเครื่องอยู่ที่ 1,400 รอบ/นาที ส่วน 160 กม./ชม. อยู่ประมาณ 2,400 รอบ/นาที ในขณะที่รถกระบะผมเป็นเกียร์อัตโนมัติ4จังหวะ ที่ 110 กม./ชม. อยู่ที่ 2,250 รอบ/นาที ส่วน 160 กม./ชม. ปาเข้าไป 3,200 รอบ/นาที กำลังต่อเนื่องสู้ไม่ได้เลยเพราะรอบเครื่องตกเยอะกว่ าจม
|