รวมรูปและข้อมูลระบบช่วงล่างรถทัวร์ไทย โดย บีบี436
 

รวมรูปและข้อมูลระบบช่วงล่างรถทัวร์ โดย บีบี436:emo_toon07:

ทั้งระบบช่วงล่างถุงลมและแหนบ จะจัดมาให้ท่านผู้ชมได้ชมกันครับเท่าที่บีบีมีรูปนะค รับ ส่วนข้อมูลต่างๆรบกวนพี่ๆน้องๆช่วยกันอธิบายข้อมูลเพ ิ่มเติมได้เลยครับพ้ม




(ช่วงล่างถุงลม VOLVO B12 บ.เชิดชัยทัวร์ สาย 22 - 23 รถทัวร์ไทย)


โดยปกติ ความนุ่มนวลกับความสามารถในการแบบน้ำหนักมากๆ มักจะไม่ค่อยไปด้วยกันนัก เนื่องจากว่าถ้าปรับช่วงล่างให้นิ่มนวล เวลาบรรทุกของหนักๆ (หรือแม้แต่น้ำหนักตัวรถเอง) รถก็จะโยนตัวมากทำให้ทรงตัวยาก แถมพาลจะทำให้โช๊คแตกอีกต่างหาก แต่ถ้าปรับช่วงล่างให้แข็งเรื่องแบกของก็หายห่วง แต่ความนุ่มมันก็หายไปเหมือนกัน... จะปรับความนุ่ม-แข็งแต่ละครั้งก็หมายถึงการรื้อช่วงล่างกันยกใหญ่กัน ทีเดียว... ปัญหาทั้งหลายเหล่านี้จะหมดไปหากคุณเปลี่ยมมาใช้ช่วง ล่างแบบถุงลมโป่งพองนี้....

ระบบช่วงล่างแบบถุงลมนี้ ก็เลยเป็นระบบรองรับแรงกระแทกที่กำลังได้รับความนิยม มากขึ้นเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนระบบนี้มักจะอยู่ในรถยนต์ขนาดใหญ่อย่างรถเมล์ไฮโซ หรือรถไฟฟ้าบีทีเอสบ้านเราก็ใช้ ลองสังเกตุดู ทั้งนี้เนื่องจากคุณสมบัติเด่นของมันในแง่ของการปรับ การรับน้ำหนักมากๆ ได้ดี และสามารถสร้างความนุ่มนวลในการขับขี่ก็ได้

ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=177348

จัดมาครับพี่น้อง ไม่ต้องจอง ซื้อตั๋วคนแรกนั่งเบาะคนขับเลย

โปรดติดตามตอนต่อไป....

(แสดงตำแหน่งถุงลมและถังเก็บลม scania K124ib4x2nb)





เท้าความกันซักกะนิด

แล้วที่ว่าถุงลมโป่งพองเนี๊ย... มันอยู่ตรงไหนของช่วงล่างน๊ะ... อันนี้ต้องเอามาเทียบกับระบบช่วงล่างแบบเดิมๆ ท่าจะดี โดยทั่วๆ ไปช่วงล่างมักจะมีอุปกรณ์ในการรับแรง กระแทกอยู่ 2 อย่างคู่กัน นั่นก็คือ
1. ตัวรับแรงกระแทก ซึ่งมักจะใช้เหล็กมาทำเป็นขดสปริง หรืออาจทำเป็นเหล็กแท่งแบบแหนบหรือทอร์ชั่นบาร์
2. ตัวดูดซับแล้วกระจายแรง ที่มักจะทำเป็นแท่งน้ำมันมีวาล์ววิ่งขึ้น-ลงอยู่ข้างใน ทำให้หนืดๆ ที่เค้าเรียกกันว่า แดมเปอร์ ช๊อคแอ๊บซอร์บเบอร์หรือโช๊คอัพนั่นเอง

แข็ง-นิ่ม-สูง-ต่ำ ก็ทำได้ทั้งซ้ายขวา

สำหรับช่วงล่างแบบถุงลมนี้ มันจะทำหน้าที่แทนตัวรับแรงกระแทกอย่างสปริงนั่นเอง (แต่ในบางระบบอาจใช้งานร่วมกัน) เรามาเปรียบเทียบกับการใช้สปริงในระบบช่วงล่าง แบบทั่วๆ ไปกันก่อนดีกว่า

สปริงแข็ง = อัดลมในถุงลมมาก = ช่วงล่างแข็ง = รับน้ำหนักได้มาก
สปริงอ่อน = อัดลมในถุงลมอ่อน = ช่วงล่างนิ่ม = ขับขี่ได้นุ่มนวล
ยกสปริงให้สูง = อัดลมให้ถุงลมยืดตัว = ยกรถให้สูงขึ้น = ลุยได้มากขึ้น
ใส่สปริงให้ต่ำ = เอาลมออก = โหลดรถให้ต่ำลง = ลดการต้านลมเวลาวิ่ง หรือ ขึ้น-ลงรถได้สะดวกขึ้น

หรืออาจใช้ในการช่วยสร้างความสมดุลให้ตัวรถก็ได้ ซึ่งช่วงล่างแบบปกติไม่สามารถทำได้ เช่น ในกรณีที่บรรทุกของหนักมากๆ ทำให้หน้ายก ก็สามารถอัดลมเข้าไปในถุงลมเฉพาะด้านหลัง เพื่อให้รับน้ำหนักได้มากขึ้นโดยไม่ยุบลงไปก็ได้ หรือในกรณีที่บรรทุกของหนักไปข้างหนึ่ง ก็สามารถอัดลมเข้าไปในถุงลมเฉพาะข้างซ้ายหรือขวาก็ได ้เช่นกัน ทำให้รถยังคงรักษาระดับได้เหมือนเดิม

(ระบบช่วงล่างถุงลมใน scania K93CLB):?




การจะใช้ถุงลมเพื่อการรับน้ำหนักมากๆ อย่างเดียวหรือจะให้ยกรถได้ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบตั วถุงลมนี้ด้วย ที่ใช้อยู่ในรถยนต์ทั่วๆ ไป ก็มีอยู่ 2 แบบหลักๆ คือ

1. ถุงกลับด้านได้ Reversible Sleeve มีลักษณะเป็นทรงกระบอก มีฐานรองสามารถปรับแต่งให้เข้ากับช่วงล่างเดิมได้ง่า ย
2. ถุงแบบปล้อง Convoluted มีลักษณะเป็นข้อๆ เหมือนสปริง

ถุงลมแบบ Reversible Sleeve มีลักษณะเป็นทรงกระบอก

ยาวเลย ลูกพี่.............

อิสานใต้ สาย 31 สาย 32

มาต่อเร็วๆเลยนะคับ พี่บีบี

:p