![]() |
เก๋าจริงๆนะครับ
![]() |
กระบอกสุดท้ายครับ...
![]() |
มีภาพบุคคลในประวัติศาสตร์มากมายครับ
![]() |
วิวัฒนาการของเครื่องแต่งกายในแต่ละยุคสมัยครับ
![]() |
ขึ้นมาอีกชั้นครับ
พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครับ ผู้ให้กำเนิดโรงเรียนนายร้อย จปร. ขอพักก่อนนะครับ ต้องไปงานเลี้ยงนิดหน่อยครับ เดี๋ยวมาต่อนะครับ ^^ ![]() |
อ้างถึง:
แบบช่วงหน้ายาว ครูกอล์ฟอย่าลืมรูปรถบัสโรงเรียนนายร้อยมาฝากด้วยนะค รับ |
อ้างถึง:
รอชมต่อครับ:emo_toon07: |
รอชมต่อน่ะครับครู สวยงามจริงๆ:) :)
|
สวัสดีสมาชิกทุกท่านอีกครั้งนะครับ
หลังจากที่หายไปเกือบ1วัน เนื่องจาก ไม่ไหวจะเคลียร์ครับ เอาเป็นว่า กลับมาแล้วครับ อย่าพึ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะครับ หลังจากที่ได้เข้าเยี่ยมชม อาคารร้อยปี จปร.แล้ว เราก็ได้ไปที่ กองวิชาประวัติศาสตร์ครับ ![]() |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเล็งเห็นความสำคัญของกิจการทหารเป็นอย่างยิ่งครับ
เมื่อประเทศไทยได้มีคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ที่โรงเรียนนายร้อย จปร. ก็ได้รับพระราชทานด้วยครับ ![]() |
นี่เป็นจักรยานที่สมเด็จพระเทพทรงใช้ในการเสด็จเยี่ย มเยือนรอบๆโรงเรียนนายร้อย จปร. ครับ
ได้เห็นถึงความสมถะจริงๆ ![]() |
โต๊ะทรงงานชองสมเด็จพระเทพฯ ครับ
เป็นโต๊ะธรรมดาๆครับ เห็นแล้วซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณจริงๆครับ ![]() |
ก่อนเดินทางต่อ..
ก็ไม่ลืมเก็บบรรยากาศของโรงเรียนนายร้อย จปร. มาฝากสักนิดนะครับ สำหรับรถของโรงเรียนนายร้อยที่น้านิกรถามถึง ผมไม่ได้เจอเลยครับ ต้องขออภัยด้วยนะครับ แหะๆ ![]() |
จากนั้นเราก็ได้ลาจากโรงเรียนนายร้อย จปร. แล้วครับ
แล้วเราก็เดินทางมาต่อกันที่ วัดใหญ่ทักขิณาราม ครับ วัดใหญ่ทักขิณาราม ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านใหญ่ ริมแม่น้ำนครนายก จากตัวเมืองเดินทางตามทางหลวงหมายเลข ๓๐๔๙ แล้วเลี้ยวขวาเข้าบ้านใหญ่ วัดใหญ่ทักขิณารามเป็นวัดเก่าแก่ กล่าวกันว่าชาวเวียงจันทน์ ได้อพยพมาเมื่อครั้งเกิดสงครามลาวกับฝรั่งเศส ชาวเวียงจันทน์แพ้สงครามจึง อพยพลงมาทางใต้ และมีกลุ่มหนึ่งมาตั้งหลักแหล่งอยู่ในเขตอำเภอเมืองน ครนายก เรียกว่า “บ้านใหญ่ลาว” และได้สร้างวัดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๓๒๓ เรียกว่า “วัดใหญ่ลาว” ในปี ๒๔๘๔ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดใหญ่ทักขิณาราม สิ่งที่สำคัญในวัดคือ พระอุโบสถซึ่งมีขนาดกว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๐.๑๕ เมตร สูง ๑๐ เมตร มีกำแพงแก้วล้อมรอบ สร้างโดยช่างชาวเวียงจันทน์ ลักษณะพระอุโบสถเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ก่ออิฐถือปูน บานประตูเป็นไม้แกะสลักกรอบด้านขวามือเป็นรูปยักษ์ถื อกระบองชูขึ้น และเท้าบั้นเอว หน้าบันเป็นไม้แกะสลักรูปเทพพนม กำแพงแก้วมีซุ้มประตูโค้งเลียนแบบศิลปะตะวันออก มีทหารสวมหมวกแต่งกายแบบยุโรปถือกระบองเป็นทวารบาลด้ านละ ๒ คน ที่มา : http://www.sadoodta.com/content/%E0%...B8%B2%E0%B8%A1 ![]() |
สถาปัตยกรรมแบบลาวแท้แน่นอนครับ
สวยงามมากเลยครับ ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก กทม. นะครับ สามารถเดินทางมากันได้ ![]() |
ต้องขอนมัสการท่านเจ้าอาวาสนะครับ
ที่ให้ข้อมูลความรู้ เป็นวิทยาทานแก่คณะผู้มาเยี่ยมเยือนครับ ![]() |
อีกครั้งครับ...
![]() |
พระประธานด้านใน ก็ได้รับอิทธิพลจากลาวเช่นกันครับ
![]() |
ตามชมติดๆครับ
|
ปิดท้ายวัดใหญ่ทักขณารามด้วย พระอุโบสถหลังใหม่ครับ
แล้วเราก็เดินทางกันต่อครับ ![]() |
สถานที่ที่เราเดินทางต่อไป ได้แก่ที่นี่เลยครับ
วัดโพธิ์ปากพลี อ.ปากพลี จ.นครนายก ![]() |
วัดที่นี่ ส่วนใหญ่จะมีต้นยางครับ
เพราะมีคุณประโยชน์มากมายแก่คนทั่วไปครับ ![]() |
ที่นี่...
มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ที่จะรวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้ครับ โดยมีแนวคิดจาก อาจารน้อม ที่ได้พบเจอโบราณวัตถุต่างๆในบริเวณนี้ครับ ![]() |
นี่ครับ...
สิ่งที่ผมพึ่งเคยเห็น เหล็กไหล.....โอ้ว เป็นแบบนี้หรือครับนี่ ![]() |
เด็กน้อย...มาต้อนรับครับ
น่ารักกันทีเดียว ![]() |
ตอนนี้ทางวัด กำลังมีการบูรณะซ่อมแซมครับ
จึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก แต่ก็ยินดีที่ได้มาเยือนครับ ![]() |
จากนั้นก็มาขึ้นรถ
และ.....รับของว่างช่วงบ่ายครับ ขอบอกว่า ซาลาเปาบ้านคุณกบ อร่อยมากครับ อยู่ตรงประตูแดนตะวัน โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร ฝ่ายประถม ครับ ลองมาชิมกันได้นะครับ ![]() |
จากนั้น...
เราก็เดินทางมาที่ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน วัดฝั่งคลองครับ ที่นี้ จะแสดงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ของชาวไทยพวนครับ ![]() |
ก่อนอื่นก็มาฟังบรรยายสรุปกันก่อนครับ
โดยวิทยากรท้องถิ่นครับ ![]() |
จากนั้นก็มาเยี่ยมชมครับ...
ที่นี่ บรรยายเป็นภาษาไทยพวนนะครับ คล้ายกับภาษาทางหนองคายทางเหนือเลยครับ ฟังง่าย เข้าใจเร็วครับ ![]() |
จากนั้นก็ออกมาดูของฝากกันครับ
มีทั้งไข่เค็ม ![]() |
หรือจะเป็นกระท้อน มีแบบทั้งสดๆและแช่อิ่มครับ
![]() |
คันนี้ต้องรีบวิ่งมาถ่ายครับ...อิอิ
เดี๋ยวไม่ทัน จัดไป1คันนะครับ ![]() |
จากนั้นเราก็เดินทางไปต่อกันที่ เมืองโบราณดงละครครับ
เมืองโบราณบ้านดงละคร ตั้งอยู่ที่ตำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศใต้ ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นเมือง โบราณราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 สมัยขอมมีอำนาจ มีแนวกำแพงเป็นเนินดินและคูเมืองปรากฏอยู่ชาวบ้านเรี ยกว่า สัน คูเมือง ภายในบริเวณนี้มีการขุดค้นพบภาชนะดินเผา ลูกปัด พระพิมพ์และซากสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ มากมาย แต่เดิมเรียกว่า เมืองลับแล ภายหลังเรียกกันว่า ดงละคร ครับ ที่มา: http://www.moohin.com/009/009k005.shtml ![]() |
จากนั้น....
เดินชมครับ ระยะทางก็ ทำให้ร้อนได้พอสมควรครับ อิอิ ![]() |
ตอนนี้ก็จะเป็นการเดินตามแนวกำแพงเมืองครับ
![]() |
มีทางช้างเก่าขึ้น-ลง ด้วย
เพราะแต่เดิม จะมีช้างเป็นพาหนะด้วยครับ ![]() |
เดินเท้าไกลพอสมควรครับ
เราก็ได้พ้นแนวกำแพงเมืองครับ เหนื่อยเลยทีเดียว ![]() |
นี่ก็เป็นสระน้ำที่ขุดค้นพบครับ
ใหญ่พอสมควรครับ ![]() |
จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่บริเวณเมืองโบราณครับ
![]() |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:33 PM |
Powered by vBulletin รุ่น 3.6.8 Copyright ©2000-2025, Jelsoft Enterprises Ltd.